เป็นตลาดตัวกลางที่เชื่อมโยงระหว่างผู้มีเงินออมกับผู้ที่ต้องการเงินลงทุน แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
 
1. ตลาดเงิน (Money Market) คือ ตลาดที่มีการระดมเงินจากประชาชน และการให้สินเชื่อระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี รวมทั้งการซื้อขายหลัก ทรัพย์ทางการเงินที่มีอายุการไถ่ถอนระยะสั้น เช่น ตั๋วแลกเงิน ตั๋วสัญญาใช้เงิน ตั๋วเงินคลัง เป็นต้น
2. ตลาดทุน (Capital Market) คือ  แหล่งระดมเงินทุน และให้สินเชื่อระยะยาวตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป 

ตราสารการเงินที่ควรรู้จัก
  • ตราสารหนี้ (Debt Instrument)
  • ตราสารทุน (Equity Instrument)
  • ตราสารอนุพันธ์ (Derivative Instrument)
   
ความเสี่ยงในการลงทุน

การลงทุนทุกประเภทย่อมมีความเสี่ยงแตกต่างกันไป ความเสี่ยงจากการลงทุนมาก หมายถึง โอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่จะเกิดขึ้นในอนาคตไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ สำหรับกองทุนรวมความเสี่ยงจะขึ้นอยู่กับกองทุนนั้นนำเงินไปลงทุนอะไร กองทุนที่ลงทุนในหลักทรัพย์ที่มี ความเสี่ยงสูง เช่น หุ้น ตราสารอนุพันธ์ จะมีความเสี่ยงสูงกว่ากองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ เช่น พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง เป็นต้น

 
ความเสี่ยงสูง

ความเสี่ยงต่ำ


 
ประเภทของความเสี่ยง ได้แก่
 
  • ความเสี่ยงจากการดำเนินงานของผู้ออกตราสาร (Credit Risk) คือ ความเสี่ยงที่เกิดจากการที่ผู้ออกตราสารหนี้ไม่สามารถชำระคืนเงินต้น และ/หรือ ดอกเบี้ยได้ตามที่กำหนด
  • ความเสี่ยงจากการผันผวนของราคาตราสาร (Market Risk) คือ ความเสี่ยงที่เกิดจากการผันผวนของราคาตราสาร หรือผลตอบแทนโดยรวมของตราสารปรับตัว ขึ้นลง โดยได้รับผลกระทจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเมือง ความผันผวนของค่าเงินบาท อัตราดอกเบี้ย เป็นต้น
  • ความเสี่ยงจากการขาดสภาพคล่องของตราสาร (Liquidity Risk) คือ ความเสี่ยงที่เกิดจากการซื้อ หรือขายตราสารไม่ได้ ในระยะเวลาหรือราคาตามที่กำหนดไว้ เนื่องจากโอกาสในการซื้อหรือขายตราสารมี จำกัด
  • ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Risk) คือความเสี่ยงที่ราคาตราสารหนี้จะเปลี่ยนแปลงในทิศทางตรงข้ามกับการเปลี่ยนแปลงของ อัตราดอกเบี้ย หากตราสารหนี้มีอายุคงเหลือยิ่งนานเท่าไหร่ การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยก็จะยิ่งมีผลกระทบต่อราคาตราสารหนี้มากขึ้น
  • ความเสี่ยงทางธุรกิจ (Business Risk) คือ ความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงความสามารถในการหากำไรของบริษัท อาจเป็นเหตุให้ผู้ลงทุนไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่คาดหวัง